‘มิชลิน’ ผนึกพันธมิตรกับ ‘นีโอไลน์’ ยกระดับโลจิสติกส์สู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ - The Tellus Post

Breaking

Home Top Ad

Post Top Ad

Wednesday, March 3, 2021

‘มิชลิน’ ผนึกพันธมิตรกับ ‘นีโอไลน์’ ยกระดับโลจิสติกส์สู่การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์




ล่าสุด ‘มิชลิน’ ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงให้ ‘นีโอไลน์’ (Neoline) บริษัทเจ้าของเรือสัญชาติฝรั่งเศส เป็นผู้ดำเนินการขนส่งสินค้าทางทะเลบนเส้นทางระหว่างแคนาดาและฝรั่งเศส โดยถือเป็นก้าวสำคัญในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของมิชลิน เพื่อบรรลุเป้าหมายองค์กรที่ต้องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในทุกเขตพื้นที่ดำเนินงานภายในปี 2593

ทั้งนี้ นีโอไลน์ เป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่นำเสนอนวัตกรรมบริการขนส่งสินค้าทางเรือแบบปลอดคาร์บอนฯ (Carbon-Free Shipping Services) โดยเรือขนส่งสินค้าความยาว 136 เมตรใช้ระบบขับเคลื่อนหลักด้วยใบเรือขนาด 4,200 ตารางเมตรและพลังงานลมซึ่งเป็นพลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน ถือเป็นนวัตกรรมโซลูชั่นที่โดดเด่นซึ่งจะช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าทางทะเลข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้สูงถึงร้อยละ 90

ปิแอร์-มาร์ติน ฮูเอท์ (Pierre-Martin Huet) ผู้อำนวยการฝ่ายซัพพลายเชนของกลุ่มมิชลิน เปิดเผยว่า “การร่วมพันธมิตรครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกในการขนส่งสินค้าแบบปลอดคาร์บอนฯ ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมของมิชลิน โดยจะมีส่วนผลักดันให้มิชลินบรรลุเป้าหมายที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเกิดจากการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ระหว่างปี 2561 ถึงปี 2573 ลงให้ได้ร้อยละ 15”

ฌอง ซานุตตินี (Jean Zanuttini) ประธานบริษัท นีโอไลน์ กล่าวเสริมว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการแก่กลุ่มมิชลินซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรมและการสัญจรที่ยั่งยืน การร่วมพันธมิตรในระยะแรกนี้ครอบคลุมเส้นทางสายตะวันออกจากทวีปอเมริกาไปยังทวีปยุโรป และเส้นทางสายตะวันตกจากทวีปยุโรปไปยังทวีปอเมริกา ด้วยเรือขนส่งสินค้าแบบใช้ใบเรือของเรา เราได้พัฒนารูปแบบการขนส่งสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและระบบโลจิสติกส์ในปัจจุบันของผู้ส่งสินค้า โดยไม่ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล”

ภายใต้การลงนามเซ็นสัญญาครั้งนี้ มิชลินได้มอบหมายให้นีโอไลน์เป็นผู้ขนส่งผลิตภัณฑ์ยางมิชลินที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ทางเรือบนเส้นทางนำร่องจากเมืองฮาลิแฟกซ์ (Halifax) ประเทศแคนาดา ไปยังเมืองแซงต์-นาแซร์ และเมืองมงตัวร์ เดอ เบรอตาญ (Saint-Nazaire - Montoir de Bretagne) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งจะผ่านหมู่เกาะแซงต์-ปิแยร์ (Saint Pierre) และมีเกอลง (Miquelon) ตลอดจนเมืองบัลติมอร์ (Baltimore) ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย

ทั้งนี้ นีโอไลน์ มีแผนที่จะเปิดเส้นทางเดินเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกด้วยเรือเดินสมุทรลำแรกในปี 2566 และมีกำหนดเปิดให้บริการเรือเดินสมุทรลำที่สองในปี 2567 โดยกลุ่มมิชลินจะทยอยมอบหมายให้ นีโอไลน์ เป็นผู้ดำเนินการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ผลิตภัณฑ์ยางมิชลินในสัดส่วนร้อยละ 50 ของตู้คอนเทนเนอร์สินค้าทั้งหมดที่กลุ่มมิชลินขนส่งทางเรือบนเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกนี้

                      /////////////////////////////////////////////////////////////////////////


เกี่ยวกับนีโอไลน์

นีโอไลน์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2558 โดยกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือที่ต้องการพัฒนาธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือให้เป็นการขนส่งสินค้าทางทะเลที่มีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เป้าหมายของนีโอไลน์คือการเป็นบริษัทเจ้าของเรือรายแรกที่ใช้พลังงานอย่างรอบคอบ โดยอาศัยการขับเคลื่อนด้วยใบเรือและพลังงานลมเป็นหลัก ล่าสุด ในปี 2563 กลุ่มบริษัท Sogestran Group และบริษัทในเครืออย่าง Cie Maritime Nantaise ได้เข้ารวมเป็นหนึ่งเดียวกับนีโอไลน์



เกี่ยวกับมิชลิน

มิชลิน ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมยางรถยนต์ มุ่งมั่นส่งเสริมการสัญจรของลูกค้าอย่างยั่งยืน ออกแบบและจัดจำหน่ายยางที่เหมาะกับการใช้งานมากที่สุด ตลอดจนให้บริการและโซลูชั่นที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งครอบคลุมการให้บริการทางดิจิทัล การจัดทำคู่มือและแผนที่สำหรับการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร รวมถึงการพัฒนาวัสดุทางเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับอุตสาหกรรมการสัญจร กลุ่มมิชลินมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองแกลร์มง-แฟร็อง ประเทศฝรั่งเศส และมีสำนักงานสาขาอยู่ใน 170 ประเทศ โดยมีพนักงาน 127,000 คนทั่วโลก และมีโรงงานผลิตยาง 69 แห่ง ซึ่งผลิตยางรวมกันได้สูงถึง 200 ล้านเส้นในปี 2562 คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.michelin.co.th

No comments:

Post a Comment

Post Bottom Ad



Pages