สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้ รางวัลชนะเลิศ รับเงินรางวัล มูลค่า 100,000 บาท ได้แก่ Laika ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์จากวัตถุดิบธรรมชาติ “โด่ง” อิทธกร เทพมณี เจ้าของผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์จากวัตถุดิบธรรมชาติ Laika เผยว่า “แต่ก่อนผมเป็นนักวิเคราะห์ทางด้านการเงิน จุดเปลี่ยนที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจมาทำ Laika คือมีโอกาสได้พูดคุยกับผู้ทำงานในองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ทำให้รู้ว่าเราอยู่ในวิกฤตด้านอาหาร จากนั้นจึงศึกษาค้นคว้าข้อมูล ประกอบกับผมต้องการหาสิ่งที่มีความหมายมากขึ้นที่ตื่นนอนมาแล้วอยากจะทำ ซึ่งผมเป็นคนชอบสัตว์เลี้ยง จึงสร้างแบรนด์ Laika ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์จากวัตถุดิบธรรมชาติ โดยพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับนักโภชนาการสัตว์เลี้ยงที่มีความเชี่ยวชาญโดยตรงและใช้เฉพาะวัตถุดิบคุณภาพดีจากธรรมชาติ อาทิ แป้งไรซ์เบอร์รี่ แป้งข้าวกล่อง โปรตีนจากแมลง และคาดหวังให้ Laika เป็นอาหารสัตว์แบรนด์แรกในเอเชียที่นำเรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นหนึ่งในเสาหลักของการดำเนินธุรกิจและเปิดโอกาสให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถเลือกขนมหรืออาหารที่ดีต่อน้องๆ สัตว์เลี้ยง รวมถึงดีต่อสิ่งแวดล้อมด้วยครับ และการได้รับรางวัลชนะเลิศในครั้งนี้จะเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดด เป็นโอกาสทางธุรกิจที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ตลอดการแข่งขันได้รับข้อคิด ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์มากมายและมีความมั่นใจในศักยภาพของเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ว่าจะเป็นผู้ร่วมขับเคลื่อนทำให้ผลิตภัณฑ์ Laika เติบโตและเป็นที่รู้จักมากขึ้น”
ด้านรองชนะเลิศอันดับ 1 รับเงินรางวัล มูลค่า 70,000 บาท ได้แก่ “มินนี่” กัญญ์วรา ธนโชติวรพงศ์ เจ้าของผลิตภัณฑ์โปรตีน More Meat เผยว่า “ตนเองมีความสนใจเข้าร่วมโครงการประกวดของเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทลเพราะว่า เรามีมุมมองที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนวัตกรรม การส่งเสริมผู้ประกอบการรายย่อย การสนับสนุนและช่วยเหลือชุมชน และเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทลเป็นธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่ มีช่องทางการจำหน่ายหลากหลาย โดยผลิตภัณฑ์ More Meat เป็นโปรตีนทดแทนเนื้อสัตว์ที่พัฒนาและผลิตโดยคนไทย เน้นใช้พืชพรรณท้องถิ่นส่วนผสมที่ทำมาจากธรรมชาติ และช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกร เช่น เราใช้เห็ดแครงที่ได้รับจากเกษตรชุมชนจังหวัดสงขลาเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งมีประโยชน์ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เน้นเรื่องโภชนาการไม่ใช้สารเคมีและสารปรุงแต่ง ปลอดภัยต่อผู้บริโภค สามารถบริโภคได้ทุกวัน และได้รับการตรวจสอบจากนักโภชนาการว่ามีระดับโซเดียม โพแทสเซียม และฟอสเฟตอราสที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยโรคไต”
สำหรับรองชนะเลิศอันดับ 2 รับเงินรางวัล มูลค่า 50,000 บาท ได้แก่ วรางทิพย์ สัจจทิพวรรณ เจ้าของผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัย IRA เผยว่า “จุดเริ่มต้นการทำผ้าอนามัย IRA มาจากส่วนตัวเป็นคนที่ใช้ผ้าอนามัยทั่วไปแล้วแพ้ แล้วรู้สึกว่าตัวเลือกของสินค้าที่วางขายในตลาดมีน้อยมาก จึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า ตลาดที่สำคัญสำหรับผู้หญิงขนาดนี้ ทำไมไม่มีนวัตกรรมรองรับเลย จากการค้นคว้าข้อมูล ค้นพบว่าผ้าอนามัยสลายตัวไปก็กลายเป็นพลาสติก แล้วลองคิดดูว่าผู้หญิง 1 คน ใช้กี่แผ่นต่อวันและตลอดชีวิตรวมๆ แล้วจำนวนมหาศาล จึงเริ่มศึกษาข้อมูลเปรียบเทียบสินค้าทุกตัวในตลาด และนำข้อมูลมาพัฒนาสร้างผ้าอนามัยแบรนด์ IRA ของเราเอง โดยใช้นวัตกรรมเข้ามาพัฒนาผลิตภัณฑ์ มีจุดเด่นโดยใช้วัตถุดิบที่เป็นออร์แกนิค 100 เปอร์เซ็น สามารถย่อยสลายได้ ซึ่งการเข้าร่วมประกวดโครงการนี้ทำให้เราได้รับฟังความคิดเห็นในมุมมองผู้บริหาร ผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญ ที่รู้ความต้องการ อินไซด์ของผู้บริโภคในตลาดได้ตรงจุด ช่วยให้เราพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น และอีกหนึ่งความตั้งใจและความฝันมีอยากให้ผลิตภัณฑ์ของเราวางขายในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีผู้คนไปใช้บริการจำนวนมากเพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์และผลิตภัณฑ์ของเรา โครงการนี้จึงตอบโจทย์และช่วยเราได้มากเลยค่ะ เป็นการเติมเต็มความฝันที่ยิ่งใหญ่ของผู้ประกอบรุ่นใหม่ หน้าใหม่ที่มีความตั้งใจอยากจะพัฒนและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ”
จากกระแสการตอบรับที่ดี ตลอดจนผู้ที่ส่งผลงานเข้าแข่งขันต่างมีศักยภาพและความสามารถที่หลากหลาย ยิ่งตอกย้ำว่าแท้จริงแล้วในประเทศไทยยังมีคนเก่งๆ และมีความสามารถอีกมากที่ต้องการเวทีเพื่อแสดงผลงาน และมีผู้ให้การสนับสนุน โดยบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด มีแผนจัดโครงการต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าขยายฐานเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบรุ่นใหม่ที่อายุน้อย แต่มีไอเดียดีและศักยภาพเต็มเปี่ยมได้เข้ามาสร้างโอกาสแสดงความสามารถของตนเองมากยิ่งขึ้น และหวังว่าทุกคนจะใช้นวัตกรรมเติบโตคู่กับธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพและมีประโยชน์ต่อสังคม และส่วนรวมได้มากที่สุด
เกี่ยวกับเซ็นทรัล รีเทล
บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือเซ็นทรัล รีเทล เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทย และเป็นบริษัทเรือธงด้านค้าปลีก ซึ่งเป็นรากฐานของกลุ่มเซ็นทรัล มีเครือข่ายร้านค้าภายใต้แบรนด์ค้าปลีกที่สำคัญจำนวน 3,831 ร้านค้า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563) นำเสนอสินค้าหลากหลายประเภท (Multi-Category) ผ่านรูปแบบและช่องทางที่หลากหลาย (Multi-format) อาทิ ห้างสรรพสินค้า, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายสินค้าเฉพาะทาง, ซูเปอร์มาร์เก็ต, ไฮเปอร์มาร์เก็ต, พลาซ่า และการจำหน่ายสินค้าออนไลน์ในรูปแบบ Omnichannel โดยครอบคลุมกลุ่มแฟชั่น ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล, ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน, โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์, ซูเปอร์สปอร์ต, Central Marketing Group (CMG) และรีนาเชนเต (Rinascente) กลุ่มฮาร์ดไลน์ ได้แก่ ไทวัสดุ, บ้านแอนด์บียอนด์, เพาเวอร์บาย, เหงียนคิม และกลุ่มฟู้ด ได้แก่ ท็อปส์ มาร์เก็ต, ท็อปส์ เดลี่, ท็อปส์ พลาซ่า, เซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์, แฟมิลี่มาร์ท, บิ๊กซี/โก! และลานชี มาร์ท ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563 เซ็นทรัล รีเทล ครอบคลุมใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทยที่มีห้างสรรพสินค้า ร้านค้า รวมกัน 1,948 แห่ง ใน 54 จังหวัด พร้อมทั้งยังดำเนินธุรกิจค้าปลีกในประเทศอิตาลี และประเทศเวียดนาม รวมกัน 136 แห่ง (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2563)
No comments:
Post a Comment